เมื่อผมสมัครทุนรัสเซีย – ภู ตูลา
ขอเล่าย้อนความไปว่ารู้จักทุนรัฐบาลรัสเซียได้ยังไงประเดิมก่อนเลยแล้วกัน..
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงปิดเทอม 2550 คุณกิ๊กคุยกับผมและบอกว่าคุณส้มโอนำใบปลิวเกี่ยวกับการเรียนแพทย์ราคาถูกที่ประเทศรัสเซียและจีนมาให้ เลยขอให้คุณส้มโอส่งใบปลิวมาแล้วก็หาข้อมูลว่าเชื่อถือได้ไหม ราคาก็ไม่แพงมากพอๆกับเรียนเอกชนในสาขาอื่นในบ้านเรา
หลังจากนั้นจึงไปปรึกษากับคุณพ่อว่า จะเป็นไปได้ไหมที่จะส่งผมไปเรียนแพทย์ที่รัสเซียหรือจีนเพราะว่าราคาก็ไม่แพงคุณพ่อตอบกลับมาว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก พ่อไม่มีสตางค์พอที่จะจ่ายค่าเทอมให้ภูเยอะขนาดนั้น เอายังงี้ดีกว่าไหมถ้ามีทุนการศึกษาพ่อเห็นด้วย จะเป็นแค่ทุนจ่ายแค่ค่าเรียนก็ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายพ่อพอไหว”
ผมก็นั่งคิดว่าจะมีไหมทุนการศึกษาที่ให้ไปเรียนประเทศรัสเซีย เพราะว่าไม่เคยแม้แต่ได้ยินเลย แล้วถ้ามีเราจะได้ไหมโอกาสมันน้อยมากๆเลย ก็เลยเกือบจะตัดใจแล้ว แต่ยังไม่ท้อ ลองเปิดอินเตอร์เน็ตค้นหาทุนดู
….ก็อกแก็กๆ
เจอหลายเว็บเลยครับ แต่ที่เป็นประโยชน์กับผม ทำให้ผมมีวันนี้ได้เพราะเว็บนี้เลยครับ เว็บแลนด์รัสเซีย ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านกระดานสนทนาตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายที่มี ก็จับความได้ว่าทุนนี้มีแพทย์อยู่ด้วย และสองปีที่แล้ว (ก่อนหน้าผมจะได้ทุน) มีพี่พลอยได้ทุนสาขาแพทย์ การสมัครก็ไม่เกินความสามารถ ก็เลยไปคุยกับคุณพ่ออีกครั้งหนึ่ง คุณพ่อก็ตกลงเห็นดีงามด้วยและสนับสนุนเต็มที่
ทีนี้ก็หาข้อมูลว่าสมัครอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้างมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ปิดรับสมัครวันไหน แล้วก็ได้ชวนคุณอ้อมมาสมัครด้วยกัน แต่คนละสาขากัน คุณอ้อมก็จะสมัครด้วย ก็เตรียมเอกสารด้วยกัน โทรไปตรวจสอบที่สถานทูตรัสเซียว่าปิดรับสมัครหรือยัง เพราะว่าในเว็บบอกว่าใกล้จะปิดรับแล้ว เพื่อดูว่าจะทำเอกสารทันไหม ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตคุณเดนนิสก็บอกว่าขยายเวลารับสมัครนะก็เลยรีบเตรียมเลยไปทำพาสปอร์ตกันกับคุณอ้อม (ผมไม่เคยออกนอกประเทศเลย คุณอ้อมไปเปลี่ยนเล่มพาสปอร์ต) หลังจากวันทำพาสปอร์ตคุณอ้อมก็มาบอกว่าจะไม่ไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมก็เลยต้องเดินหน้าทำเอกสารตัวคนเดียว แปลเอกสาร รวมถึงใบแสดงผลการเรียนต้องนำมาแปลเอง เพราะว่าจบมาก็ไม่ได้ขอเป็นภาษาอังกฤษไว้เมื่อเข้าไปขอที่โรงเรียน ทางโรงเรียนก็บอกว่าต้องรอทำสองอาทิตย์ซึ่งไม่ทันก็เลยแปลเองเลย
แล้วก็นำเอกสารที่ถ่ายเอกสารทั้งหมดไปรับรองกรมการกงสุลจะมีแบบทั่วไปและแบบด่วน แบบทั่วไปรับเอกสารกลับหลังจากวันที่ยื่นสองวันทำการ ส่วนแบบด่วนยื่นเช้าได้เย็นเลย ส่วนราคาแบบหลังก็สูงกว่าเท่าตัว ก็เลยเลือกแบบปกติแล้ว ก็ให้ส่งกลับทางไปรษณีย์
หลังจากวันที่ยื่นรับรองเอกสารสองวัน ไปรษณีย์ก็มาถึงพร้อมเอกสารหมด..แต่ว่ายังไม่มีใบไหนประทับตรารับรองเลยอ้าว..ซวยแล้ว หรือว่าเราแปลผิด..วันรุ่งขึ้นก็เลยไปที่กงสุลแต่เช้า เจ้าหน้าที่ก็บอกมาว่าบนหัวของเอกสารที่แปลต้องพิมพ์คำว่า Translation วงเล็บไว้ด้วย อ้าว..แล้วจะให้กลับไปปริ้นท์ที่บ้านใหม่หรือครับ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีเครื่องพิมพ์ดีดให้ใช้ห้องข้างๆ ก็เลยโล่งใจพิมพ์ปุ๊บปั๊บส่งก็ประทับตราให้ตอนบ่ายก็มารับเลย ผ่านไปอีกอย่างหนึ่ง
ส่วนพาสปอร์ตก็ต้องให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปรับด้วย เพราะอายุยังไม่ถึงยี่สิบบริบูรณ์ในช่วงนั้นให้ไปคนเดียวคุณพ่อหรือคุณแม่ ก็ไม่ได้ต้องไปทั้งสองคนอีก
ส่วนใบตรวจสุขภาพตอนแรกคิดว่าต้องเป็นโรงพยาบาลรัฐเท่านั้น แต่ที่จริงโรงพยาบาลไหนก็ได้ ตรวจว่าเราร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะไปสู้กับความหนาวติดลบที่รัสเซีย และที่สำคัญไม่มีโรคเอดส์ไปแพร่ที่ประเทศของเขา ผมก็ตรวจที่โรงพยาบาลบางนาเป็นโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านตรงข้ามกันเซ็นทรัลบางนา ใบตรวจสุภาพนี้ก็รายงานเป็นภาษาอังกฤษ ราคารวมแล้วก็สาม-สี่ร้อยบาทเท่านั้น แล้วก็ให้คุณพ่อช่วยไปประทับตรารับรองแพทย์ที่ตรวจที่กระทรวงสาธารณสุข
รอเอกสารช่วงสงกรานต์ทรมานใจมากๆ หลังจากได้เอกสารครบเรียบร้อย กรอกใบสมัครเสร็จก็โทรไปนัดคุณเดนนิสว่าวันพรุ่งนี้จะเข้าไปส่งใบสมัครนะครับ คุณจะอยู่ที่สถานทูตไหมอะไรแบบนี้ ก็ไปแต่เช้าคุณเดนนิสเดินมาเปิดประตู ระหว่างทางผมได้ซื้อซูชิเป็นกล่องๆแถวๆสถานีรถไฟฟ้ามายังไม่ได้ทานก็ถือเข้าสถานทูตไปด้วยเลย ไม่ได้ห้ามนำอาหารเข้า คุณเดนนิสตรวจเอกสารและให้เติมเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ในใบสมัคร
หลังจากนั้นร่ำลาและรอประกาศผลทุนประมาณเดือนกรกฏาคมสิงหาคม แล้วแต่ปีด้วยครับ บางปีก็ประกาศเอาตุลาคมเลย..
ขอขอบคุณ
คุณพ่อคุณแม่ที่สนับสนุน
คุณกิ๊ก เพื่อนที่ มธ. ที่มาบอกเรื่องเรียนแพทย์ที่รัสเซีย และไปกงสุลกับผม และช่วยให้กำลังใจ
คุณส้มโอ เพื่อนที่ มธ. ที่ให้ข้อมูลดีๆ
คุณอ้อม เพื่อนสมัยเรียน ร.ว.บ. ที่ไปสถานทูตด้วยกันและช่วยโทรไปคุยกับคุณเดนนิส (คนนี้ใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเข้าสถานทูตเลย)
และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง
02/05/2010
ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงปิดเทอม 2550 คุณกิ๊กคุยกับผมและบอกว่าคุณส้มโอนำใบปลิวเกี่ยวกับการเรียนแพทย์ราคาถูกที่ประเทศรัสเซียและจีนมาให้ เลยขอให้คุณส้มโอส่งใบปลิวมาแล้วก็หาข้อมูลว่าเชื่อถือได้ไหม ราคาก็ไม่แพงมากพอๆกับเรียนเอกชนในสาขาอื่นในบ้านเรา
หลังจากนั้นจึงไปปรึกษากับคุณพ่อว่า จะเป็นไปได้ไหมที่จะส่งผมไปเรียนแพทย์ที่รัสเซียหรือจีนเพราะว่าราคาก็ไม่แพงคุณพ่อตอบกลับมาว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก พ่อไม่มีสตางค์พอที่จะจ่ายค่าเทอมให้ภูเยอะขนาดนั้น เอายังงี้ดีกว่าไหมถ้ามีทุนการศึกษาพ่อเห็นด้วย จะเป็นแค่ทุนจ่ายแค่ค่าเรียนก็ได้ ส่วนค่าใช้จ่ายพ่อพอไหว”
ผมก็นั่งคิดว่าจะมีไหมทุนการศึกษาที่ให้ไปเรียนประเทศรัสเซีย เพราะว่าไม่เคยแม้แต่ได้ยินเลย แล้วถ้ามีเราจะได้ไหมโอกาสมันน้อยมากๆเลย ก็เลยเกือบจะตัดใจแล้ว แต่ยังไม่ท้อ ลองเปิดอินเตอร์เน็ตค้นหาทุนดู
….ก็อกแก็กๆ
เจอหลายเว็บเลยครับ แต่ที่เป็นประโยชน์กับผม ทำให้ผมมีวันนี้ได้เพราะเว็บนี้เลยครับ เว็บแลนด์รัสเซีย ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านกระดานสนทนาตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายที่มี ก็จับความได้ว่าทุนนี้มีแพทย์อยู่ด้วย และสองปีที่แล้ว (ก่อนหน้าผมจะได้ทุน) มีพี่พลอยได้ทุนสาขาแพทย์ การสมัครก็ไม่เกินความสามารถ ก็เลยไปคุยกับคุณพ่ออีกครั้งหนึ่ง คุณพ่อก็ตกลงเห็นดีงามด้วยและสนับสนุนเต็มที่
ทีนี้ก็หาข้อมูลว่าสมัครอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้างมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ปิดรับสมัครวันไหน แล้วก็ได้ชวนคุณอ้อมมาสมัครด้วยกัน แต่คนละสาขากัน คุณอ้อมก็จะสมัครด้วย ก็เตรียมเอกสารด้วยกัน โทรไปตรวจสอบที่สถานทูตรัสเซียว่าปิดรับสมัครหรือยัง เพราะว่าในเว็บบอกว่าใกล้จะปิดรับแล้ว เพื่อดูว่าจะทำเอกสารทันไหม ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตคุณเดนนิสก็บอกว่าขยายเวลารับสมัครนะก็เลยรีบเตรียมเลยไปทำพาสปอร์ตกันกับคุณอ้อม (ผมไม่เคยออกนอกประเทศเลย คุณอ้อมไปเปลี่ยนเล่มพาสปอร์ต) หลังจากวันทำพาสปอร์ตคุณอ้อมก็มาบอกว่าจะไม่ไปแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัว ผมก็เลยต้องเดินหน้าทำเอกสารตัวคนเดียว แปลเอกสาร รวมถึงใบแสดงผลการเรียนต้องนำมาแปลเอง เพราะว่าจบมาก็ไม่ได้ขอเป็นภาษาอังกฤษไว้เมื่อเข้าไปขอที่โรงเรียน ทางโรงเรียนก็บอกว่าต้องรอทำสองอาทิตย์ซึ่งไม่ทันก็เลยแปลเองเลย
แล้วก็นำเอกสารที่ถ่ายเอกสารทั้งหมดไปรับรองกรมการกงสุลจะมีแบบทั่วไปและแบบด่วน แบบทั่วไปรับเอกสารกลับหลังจากวันที่ยื่นสองวันทำการ ส่วนแบบด่วนยื่นเช้าได้เย็นเลย ส่วนราคาแบบหลังก็สูงกว่าเท่าตัว ก็เลยเลือกแบบปกติแล้ว ก็ให้ส่งกลับทางไปรษณีย์
หลังจากวันที่ยื่นรับรองเอกสารสองวัน ไปรษณีย์ก็มาถึงพร้อมเอกสารหมด..แต่ว่ายังไม่มีใบไหนประทับตรารับรองเลยอ้าว..ซวยแล้ว หรือว่าเราแปลผิด..วันรุ่งขึ้นก็เลยไปที่กงสุลแต่เช้า เจ้าหน้าที่ก็บอกมาว่าบนหัวของเอกสารที่แปลต้องพิมพ์คำว่า Translation วงเล็บไว้ด้วย อ้าว..แล้วจะให้กลับไปปริ้นท์ที่บ้านใหม่หรือครับ เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีเครื่องพิมพ์ดีดให้ใช้ห้องข้างๆ ก็เลยโล่งใจพิมพ์ปุ๊บปั๊บส่งก็ประทับตราให้ตอนบ่ายก็มารับเลย ผ่านไปอีกอย่างหนึ่ง
ส่วนพาสปอร์ตก็ต้องให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปรับด้วย เพราะอายุยังไม่ถึงยี่สิบบริบูรณ์ในช่วงนั้นให้ไปคนเดียวคุณพ่อหรือคุณแม่ ก็ไม่ได้ต้องไปทั้งสองคนอีก
ส่วนใบตรวจสุขภาพตอนแรกคิดว่าต้องเป็นโรงพยาบาลรัฐเท่านั้น แต่ที่จริงโรงพยาบาลไหนก็ได้ ตรวจว่าเราร่างกายแข็งแรงพร้อมที่จะไปสู้กับความหนาวติดลบที่รัสเซีย และที่สำคัญไม่มีโรคเอดส์ไปแพร่ที่ประเทศของเขา ผมก็ตรวจที่โรงพยาบาลบางนาเป็นโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้านตรงข้ามกันเซ็นทรัลบางนา ใบตรวจสุภาพนี้ก็รายงานเป็นภาษาอังกฤษ ราคารวมแล้วก็สาม-สี่ร้อยบาทเท่านั้น แล้วก็ให้คุณพ่อช่วยไปประทับตรารับรองแพทย์ที่ตรวจที่กระทรวงสาธารณสุข
รอเอกสารช่วงสงกรานต์ทรมานใจมากๆ หลังจากได้เอกสารครบเรียบร้อย กรอกใบสมัครเสร็จก็โทรไปนัดคุณเดนนิสว่าวันพรุ่งนี้จะเข้าไปส่งใบสมัครนะครับ คุณจะอยู่ที่สถานทูตไหมอะไรแบบนี้ ก็ไปแต่เช้าคุณเดนนิสเดินมาเปิดประตู ระหว่างทางผมได้ซื้อซูชิเป็นกล่องๆแถวๆสถานีรถไฟฟ้ามายังไม่ได้ทานก็ถือเข้าสถานทูตไปด้วยเลย ไม่ได้ห้ามนำอาหารเข้า คุณเดนนิสตรวจเอกสารและให้เติมเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ในใบสมัคร
หลังจากนั้นร่ำลาและรอประกาศผลทุนประมาณเดือนกรกฏาคมสิงหาคม แล้วแต่ปีด้วยครับ บางปีก็ประกาศเอาตุลาคมเลย..
ขอขอบคุณ
คุณพ่อคุณแม่ที่สนับสนุน
คุณกิ๊ก เพื่อนที่ มธ. ที่มาบอกเรื่องเรียนแพทย์ที่รัสเซีย และไปกงสุลกับผม และช่วยให้กำลังใจ
คุณส้มโอ เพื่อนที่ มธ. ที่ให้ข้อมูลดีๆ
คุณอ้อม เพื่อนสมัยเรียน ร.ว.บ. ที่ไปสถานทูตด้วยกันและช่วยโทรไปคุยกับคุณเดนนิส (คนนี้ใส่กางเกงขาสั้นรองเท้าแตะเข้าสถานทูตเลย)
และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง
02/05/2010
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น