ชีวิตการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 2 ในประเทศรัสเซีย – มิกค์ คาซาน
สวัสดีครับ ห่างหายกันไปนาน ผม นายพลกร ชัชวาลยางกูร (MICKEMOUSE) ขณะนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมศาสตร์-เครื่องกลและยานยนต์ (ปริญญาตรี-โท คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลและยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคนิคและพลังงานเมืองคาซานประเทศรัสเซีย)
ย้อนกลับไปตอนปิดเทอม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ผมได้บินกลับไปพักที่บ้านเกิด ประเทศไทยของเรานี้เอง ขณะอยู่บนเครื่องบินไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ตื่นเต้นมาก คิดถึงบ้าน บอกไม่ถูก เพราะว่าไมได้กลับบ้านมา 2 ปี คิดถึงประเทศไทย อาหารไทย คนไทยมากครับ สติไม่อยู่กะเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
ในขณะที่อยู่บนเครื่องบินแอร์โฮสเตสพอ ก็ถามว่า คุณจะดื่มอะไร กาแฟหรือน้ำชาเป็นภาษาอังกฤษ ทันใดนั้นผมตอนไปทันทีว่าเอากาแฟ แต่เป็นภาษารัสเซียซะงั้น ด้วยความเคยชินและคิดแต่เรื่องที่ประเทศไทย ไร้สติ แอร์โฮสเตสงงกันไปเลยทีเดียว ต่อมาได้ไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮาประเทศกาต้า ก็แบบเดินบนเครื่องบินขณะที่แอร์โฮสเตสกำลังเตรียมอาหารมาเสริฟผมก็เตรียมพูดเป็นภาษาอังกฤษแต่พอแอร์มาถึงถามว่า จะกินอะไรไก่หรือหมูเป็นภาษาไทยผมตอบไม่ถูกเลยอึ่งพูดไม่ออกตกใจว่าทำไมพูดไทย ซักพักเลยตอบว่าทานไก่ครับ55+
เครื่องบินกำลังจะลงก็มองเห็นแผ่นดินไทย ขนลุกเลย แบบว่ากุถึงบ้านแล้ว ดีใจมากๆๆ แต่พอเดินออกมารู้สึกร้อนมากครับแบบว่า จะเป็นลมเลยทีเดียว ในขณะที่อยู่ประเทศไทย เป็นเวลา 2 เดือน 16 วัน ก็มีความสุขมากครับ ได้ไปเจอญาติๆ เพื่อนๆ คุณครูและน้องๆที่โรงเรียนชลประทานวิทยา(ร.ร.ที่ผมจบมาตอนมัธยม 6)ได้ไปแนะนำเรื่องทุนการศึกษานี้ให้กับน้องๆที่โรงเรียน น้องๆดูท่าทางจะสนใจมากครับ และก็ได้ไปเที่ยวพัทยา หัวหิน พระนครศรีอยุธยา ระยอง อ่างทองไปเกือบทุกอาทิตย์เลยครับไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาลครับ อยู่ประเทศไทยมีความสุขมากครับ
แต่พอประมานวันที่ 25 สิงหาคม ก็รู้สึกเซ็งๆ อึนๆ แบบว่า วันที่ 1 กันยายน เราต้องกลับมาเรียนที่ประเทศรัสเซียแล้วหรอ ทำไมเร็วจัง เหมือนพึงกลับมา ก็เริ่มไม่ค่อยคุยกะใคร คิดถึงสภาพเดิมๆที่มาอยู่ที่รัสเซีย จนกระทั่งถึงวันที่ 1 กันยายน ได้บินกลับมาที่ประเทสรัสเซีย ความรู้สึกตอนอยู่บนเครื่องบินไม่เหมือนตอนขามาไทยเลย ความรู้สึกแบบว่า หวิวๆ เคว้งคว้าง ไม่มีจุดยืน พอเครื่องบินขึ้นจากสุวรรณภูมิ ก็มองลงไปทางหน้าต่าง แล้วน้าตาคอเบ้า รู้สึกจะจากบ้านเกิด ห่างไกลคนที่เรารัก รู้สึกไม่ดีเลยครับ จนมาถึงประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 1 กันยายนตอน20.00 น. ที่มอสโค แล้วก็นั่งรถไฟต่อมาที่เมืองคาซานครับ
กลับมาเจอเพื่อนเวียดนามในห้อง เพื่อนก็ช่วยยกของอย่างดี ถามว่าเป็นไงบางที่ไทย พอวันที่ 3 กันยายนได้ไปเริ่มเรียนของชั้นปีที่ 2 ดูตารางเรียนแล้ว งงๆ เจอวิชาอะไรไม่รู้ใหม่ๆ เรียนก็เยอะ เจอ
1.วิชาคณิตศาสตร์
2.วิชาฟิสิกส์
3.วิชาพลศึกษา
4.วิชาภาษารัสเซีย
5.วิชาทฤษฎีทางไฟฟ้าพื้นฐาน
6.วิชาปรัญชาในการดำรงชีวิต
7.วิชาเทคนิกการจำลองทางคณิตศาสตร์เชิงตัวเลข
8.วิชาทฤษฎีช่าง
9.วิชาวัสดุศาสตร์
เรียนเยอะมากเลยครับ แต่ละวิชา มีแยกย่อยอีกว่าเป็นคาบบรรยาย คาบแล็ป คาบแบบฝึกหัด หัวบานกันเลยทีเดียว ช่วงอาทิตย์แรกเครียสมาก คิดถึงบ้านโฮมซิกเล็กน้อยแบบว่าอยู่ไทยมีความสุขมากมายอาจเป็นเพราะไปเที่ยวอย่างเดียวด้วย ไปหาพี่ดวงกับพี่อุบล(พี่ที่ทำงานอยู่ไทยสปาในคาซาน)ผมก็ไม่ร่าเริงไม่พูดไม่จาจนผิดสังเกตพี่เค้าเลยถามว่าเป็นไรนั่งนิ่งอย่างเดียวเลยนะ ตอนนั้นบอกตรงๆว่าเครียดมากไปเรียนก็เจอวิชาอะไรใหม่ๆไม่ค่อยรู้เรื่อง กลับมาอยู่หอก็คิดถึงแต่ประเทศไทย คิดถึงเพื่อน คิดถึงครอบครัว คิดถึงคุณครูและน้องๆที่โรงเรียน อยากจะกลับแต่บ้าน แต่พอผ่านไปได้ 2 อาทิดย์เริ่มปกติ ทำใจได้ เริ่มเป็นปรับตัวได้อิอิ
สุดท้ายนี้อย่างจะบอกว่า คนเราเกิดมาต้องสู้เพื่อความฝันที่สดใสในวันข้างหน้านะครับ และขอบคุณทุกท่านที่อ่านและคิดตามความเคลื่นไหวของผมอิอิ
มิกค์ พลกร ชัชวาลยางกูร 10/10/10
ย้อนกลับไปตอนปิดเทอม เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ผมได้บินกลับไปพักที่บ้านเกิด ประเทศไทยของเรานี้เอง ขณะอยู่บนเครื่องบินไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ตื่นเต้นมาก คิดถึงบ้าน บอกไม่ถูก เพราะว่าไมได้กลับบ้านมา 2 ปี คิดถึงประเทศไทย อาหารไทย คนไทยมากครับ สติไม่อยู่กะเนื้อกับตัวเลยทีเดียว
source:pixabay
ในขณะที่อยู่บนเครื่องบินแอร์โฮสเตสพอ ก็ถามว่า คุณจะดื่มอะไร กาแฟหรือน้ำชาเป็นภาษาอังกฤษ ทันใดนั้นผมตอนไปทันทีว่าเอากาแฟ แต่เป็นภาษารัสเซียซะงั้น ด้วยความเคยชินและคิดแต่เรื่องที่ประเทศไทย ไร้สติ แอร์โฮสเตสงงกันไปเลยทีเดียว ต่อมาได้ไปเปลี่ยนเครื่องที่โดฮาประเทศกาต้า ก็แบบเดินบนเครื่องบินขณะที่แอร์โฮสเตสกำลังเตรียมอาหารมาเสริฟผมก็เตรียมพูดเป็นภาษาอังกฤษแต่พอแอร์มาถึงถามว่า จะกินอะไรไก่หรือหมูเป็นภาษาไทยผมตอบไม่ถูกเลยอึ่งพูดไม่ออกตกใจว่าทำไมพูดไทย ซักพักเลยตอบว่าทานไก่ครับ55+
เครื่องบินกำลังจะลงก็มองเห็นแผ่นดินไทย ขนลุกเลย แบบว่ากุถึงบ้านแล้ว ดีใจมากๆๆ แต่พอเดินออกมารู้สึกร้อนมากครับแบบว่า จะเป็นลมเลยทีเดียว ในขณะที่อยู่ประเทศไทย เป็นเวลา 2 เดือน 16 วัน ก็มีความสุขมากครับ ได้ไปเจอญาติๆ เพื่อนๆ คุณครูและน้องๆที่โรงเรียนชลประทานวิทยา(ร.ร.ที่ผมจบมาตอนมัธยม 6)ได้ไปแนะนำเรื่องทุนการศึกษานี้ให้กับน้องๆที่โรงเรียน น้องๆดูท่าทางจะสนใจมากครับ และก็ได้ไปเที่ยวพัทยา หัวหิน พระนครศรีอยุธยา ระยอง อ่างทองไปเกือบทุกอาทิตย์เลยครับไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาลครับ อยู่ประเทศไทยมีความสุขมากครับ
แต่พอประมานวันที่ 25 สิงหาคม ก็รู้สึกเซ็งๆ อึนๆ แบบว่า วันที่ 1 กันยายน เราต้องกลับมาเรียนที่ประเทศรัสเซียแล้วหรอ ทำไมเร็วจัง เหมือนพึงกลับมา ก็เริ่มไม่ค่อยคุยกะใคร คิดถึงสภาพเดิมๆที่มาอยู่ที่รัสเซีย จนกระทั่งถึงวันที่ 1 กันยายน ได้บินกลับมาที่ประเทสรัสเซีย ความรู้สึกตอนอยู่บนเครื่องบินไม่เหมือนตอนขามาไทยเลย ความรู้สึกแบบว่า หวิวๆ เคว้งคว้าง ไม่มีจุดยืน พอเครื่องบินขึ้นจากสุวรรณภูมิ ก็มองลงไปทางหน้าต่าง แล้วน้าตาคอเบ้า รู้สึกจะจากบ้านเกิด ห่างไกลคนที่เรารัก รู้สึกไม่ดีเลยครับ จนมาถึงประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 1 กันยายนตอน20.00 น. ที่มอสโค แล้วก็นั่งรถไฟต่อมาที่เมืองคาซานครับ
กลับมาเจอเพื่อนเวียดนามในห้อง เพื่อนก็ช่วยยกของอย่างดี ถามว่าเป็นไงบางที่ไทย พอวันที่ 3 กันยายนได้ไปเริ่มเรียนของชั้นปีที่ 2 ดูตารางเรียนแล้ว งงๆ เจอวิชาอะไรไม่รู้ใหม่ๆ เรียนก็เยอะ เจอ
1.วิชาคณิตศาสตร์
2.วิชาฟิสิกส์
3.วิชาพลศึกษา
4.วิชาภาษารัสเซีย
5.วิชาทฤษฎีทางไฟฟ้าพื้นฐาน
6.วิชาปรัญชาในการดำรงชีวิต
7.วิชาเทคนิกการจำลองทางคณิตศาสตร์เชิงตัวเลข
8.วิชาทฤษฎีช่าง
9.วิชาวัสดุศาสตร์
เรียนเยอะมากเลยครับ แต่ละวิชา มีแยกย่อยอีกว่าเป็นคาบบรรยาย คาบแล็ป คาบแบบฝึกหัด หัวบานกันเลยทีเดียว ช่วงอาทิตย์แรกเครียสมาก คิดถึงบ้านโฮมซิกเล็กน้อยแบบว่าอยู่ไทยมีความสุขมากมายอาจเป็นเพราะไปเที่ยวอย่างเดียวด้วย ไปหาพี่ดวงกับพี่อุบล(พี่ที่ทำงานอยู่ไทยสปาในคาซาน)ผมก็ไม่ร่าเริงไม่พูดไม่จาจนผิดสังเกตพี่เค้าเลยถามว่าเป็นไรนั่งนิ่งอย่างเดียวเลยนะ ตอนนั้นบอกตรงๆว่าเครียดมากไปเรียนก็เจอวิชาอะไรใหม่ๆไม่ค่อยรู้เรื่อง กลับมาอยู่หอก็คิดถึงแต่ประเทศไทย คิดถึงเพื่อน คิดถึงครอบครัว คิดถึงคุณครูและน้องๆที่โรงเรียน อยากจะกลับแต่บ้าน แต่พอผ่านไปได้ 2 อาทิดย์เริ่มปกติ ทำใจได้ เริ่มเป็นปรับตัวได้อิอิ
สุดท้ายนี้อย่างจะบอกว่า คนเราเกิดมาต้องสู้เพื่อความฝันที่สดใสในวันข้างหน้านะครับ และขอบคุณทุกท่านที่อ่านและคิดตามความเคลื่นไหวของผมอิอิ
มิกค์ พลกร ชัชวาลยางกูร 10/10/10
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น