บันทึกทุนรัสเซียปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ – แซนด์ เยคาเตรินเบิร์ก

เรื่องทุนน่าจะเขียนไปกันเยอะแล้ว แต่เรายังไม่เห็นมีใครเขียนเรื่องเยคาเตรินเบิร์กเราเลยเขียนมา สำนวนอาจจะแปร่งๆนะ เราแค่เขียนตามที่คิดได้น่ะ ห้าๆๆ

source:pixabay

เริ่มแรกเลยพอรู้ว่าได้ทุนเราก็ต้องเตรียมเอกสารทั้งหลาย พาสปอร์ต วีซ่า ใบเชิญจากมหาลัย เพื่อที่จะได้จองตั๋วเครื่องบินซึ่งควรจะมาถึงรัสเซียตามที่ใบเชิญกำหนดไว้จะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีปัญหาอะไรในภายหลัง และได้ติดต่อรุ่นพี่ที่อยู่ในเมืองนั้นว่าเราจะไปกี่โมง วันไหน เพื่อที่พี่ๆจะได้เอารถมารับเรา

เสื้อผ้าเครื่องแ่ต่งกายที่เตรียมมาก็แล้วแต่จะพิจารณา ที่รัสเซียมีตั้งแต่ร้อนสี่สิบองศายันติดลบสามสิบห้าองศา ดังนั้นจึงควรเตรียมเสื้อผ้ามาให้ครบๆ เสื้อโค้ตก็พกติดมาบ้าง เสื้อผ้าจากไทยก็สามารถใช้ได้ แล้วแต่ว่าเราจะปรับแต่งยังไง เสื้อกันหนาวขนเป็ดแนะนำว่าถ้าจะซื้อควรซื้อแบบคลุมถึงสะโพกจะได้อุ่นๆ หรือมาซื้อที่นี่ก็ได้ ราคามีตั้งแต่สี่พันขึ้นไป ส่วนผ้าพันคอ ถุงมือไหมพรม(เอามาสองคู่ก็พอ) หมวก สามารถเตรียมมาจากไทยได้เพราะราคาถูกกว่าเยอะและคุณภาพพอกันกับที่นี่ อย่าลืมเสื้อผ้าหน้าร้อนด้วยนะคะเพราะรัสเซียไม่ได้มีแค่หนาวอย่างเดียว

สำหรับอาหารการกิน หากใครติดอาหารไทยแนะนำให้พกน้ำปลามาเยอะๆ โลโบ้ เครื่องแกง มาม่าต้มยำ เพราะจะช่วยได้แน่นอน และไม่ควรแลกเงินรูเบิ้ลที่ไทยมามากเนื่องจากเสี่ยงที่จะโดนแบงค์ปลอม แลกมาพอให้พกติดตัวเนื่องจากบัตรเดบิตการ์ด(วีซ่าและมาสเตอร์การ์ด)สามารถกดเงินต่างประเทศได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมต่อครั้งในการกดหนึ่งร้อยบาท

เรานั่งสายการบินอุซเบกิสถาน แอร์เวย์ แวะเครื่องที่ทัชเคนต์ จำได้ว่าหนาวมากๆ ต้องออกไปขึ้นเครื่องที่ลานจอด ซึ่งไม่ได้เช็คมาว่าตอนนั้นอุณหภูมิเท่าไหร่ ความรู้สึกแรกคือเหมือนเราอยู่ในตู้เย็น ตอนนั้นประมาณสิบองศา สนามบินทัชเคนท์เป็นสนามบินเล็กๆคงจะเปรียบได้กับดอนเมืองบ้านเรา มีทั้งตึกใหม่และเก่า ต้องอาศัยไหวพริบในการฟัง สังเกต และที่สำคัญคือการ “ถาม” เราเพิ่งเคยเดินทางออกต่างประเทศเป็นครั้งแรก ควรที่จะบอกเจ้าหน้าที่ให้เขารู้ว่าเราเป็นผู้โดยสารที่ต้องการขึ้นเครื่องเที่ยวไหน เขาจะได้รับรู้ว่าต้องเรียกเรา ที่สำคัญสนามบินนี้ตึกเก่าจะเป็นเหมือนตึกนั่งรอเฉยๆ ไม่มีป้ายบอกใดๆ ไม่มีบอร์ดตารางการบิน มีแค่เคาท์เตอร์ ห้องน้ำ โรงอาหารเล็กๆ อาคารสองชั้น ต้องอาศัยไหวพริบ ไปถึงควรจะสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าเราต้องไปประตูไหนต่อตอนกี่โมง ไม่ต้องกลัวเค้าพูดภาษาอังกฤษได้ อย่าลืมปรับนาฬิกาตามสถานที่นั้นๆ เ็ด็กไทยมีข้อเสียอย่างนึงคือไม่ชอบถาม ถามเถอะค่ะ ไม่งั้นอาจจะตกเครื่องได้ ที่สำคัญ เอกสารต่างๆพกอยู่กับตัวตลอดเวลา สิ่งของส่วนตัว โน๊ตบุค เอกสารสำคัญเช่นพาสปอร์ตควรจะมีซองพลาสติกเล็กมีซิปเก็บไว้ ห้ามหาย!

พอถึงสนามบินที่เยคา เราก็พบว่ากระเป๋าเราโดนตัดกุญแจออกหมดเลย! อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักเกิน เค้าจึงสุ่มตรวจหรืออาจจะมีเหตุผลอื่นๆเช่นอาจจะอยากได้ของมีค่า อย่าลืมนะว่าทุกที่ในโลกเหมือนกันหมด ไม่ใช่ว่าสายการบินนี้ไม่ดี แ่ต่เป็นโชคของเราเองมากกว่า จึงขอเตือนว่าอย่านำสิ่งของมีค่าใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางที่โหลดเด็ดขาด! โน๊ตบุคควรเอาขึ้นเครื่องมากับเรา และกระเป๋าเดินทางที่โหลดควรจะใช้บริการของสนามบินที่สุวรรณภูมิแต่แรกที่รับหุ้มพลาสติกกระเป๋ากันกระแทก ข้อดีของการทำแบบนี้คือนอกจากจะกันกระแทกแล้วยังกันมิจฉาชีพหรือกระเป๋าแตกได้อีกด้วย! ก่อนอื่นพอเราเห็นกระเป๋าเป็นแบบนั้นคือ เช็คของดูว่าครบมั้ย ควรมีสติตลอดการเดินทาง อย่าตื่นตูม สรุปคือของครบไม่มีอะไรขาดหาย แล้วก็เดินออกมาจากสนามบินโดยมีรุ่นพี่ยืนรอรับอยู่ด้านหน้า อุณหภูมิในขณะนั้นน่าจะอยู่ประมาณ 5 องศา ควรจะพกเสื้อโค้ตขึ้นเครื่องด้วย เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องรื้อกระเป๋าเดินทางเพื่อหาเสื้อมาใส่ อีกอย่างคือลดน้ำหนักกระเป๋าไปในตัว ^^”

ระยะทางจากสนามบินถึงหอใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที พอมาถึงก็ต้องทำเรื่องที่มหาลัย ที่หอ ที่นี่ขั้นตอนในการตรวจสุขภาพต้องเจาะเลือดตรวจเอดส์(ไม่ต้องห่วง พยาบาลมือเบามาก)ตรวจเหา ตรวจปอด เอกสารทั้งหมดต้องยื่นให้กับทางมหาวิทยาลัยเพื่อจะได้ต่อวีซ่าให้เรานั่นเอง

หอที่อยู่เป็นหอของคณะภาษา ซึ่งเด็กคณะภาษาทั้งหมดรวมถึงเด็กเตรียมภาษาจะอยู่หอนี้ ในหอจะมีครัว ห้องน้ำห้องส้วม ไวร์เลสอินเตอร์เนตฟรี ^O^ อยู่ในแต่ละห้อง ครัวที่ใช้ด้วยกันจะไม่เกินสิบสองคน ส่วนห้องน้ำมักอยู่แยกเป็นห้องๆในตัวเองขึ้นอยู่กับโซนที่ได้อยู่ ส่วนเราอยู่ห้องที่มีครัวและห้องน้ำในตัว ใช้เป็นส่วนตัว ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกคืออย่าคาดหวังว่าจะได้อะไรที่ดีที่สุด เราเป็นนักเรียนทุน ห้องที่ได้มักจะไม่ใช่ห้องใหม่ สภาพห้องอาจจะเก่าบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งที่ได้มาเห็นที่นี่

เพื่อนๆก็จะเป็นชาวเกาหลี จีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย อเมริกา อุรุมชี สำหรับเด็กทุนรัฐบาลจะถูกจัดเข้ากลุ่มอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ก็จะมีการทดสอบเบื้องต้นเพื่อดูพื้นฐานเบื้องต้นว่าเราควรอยู่กลุ่มไหน ส่วนเราได้กลุ่มที่ไม่ง่ายมากเนื่องจากมีพื้นฐานบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีความยากเพราะว่าไม่คุ้นเคยกับการเรียนเป็นภาษารัสเซีย จึงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนถึงจะพอเข้าใจและฟังออก ดังนั้นน้องๆไม่ต้องห่วงว่าจะไม่รู้เรื่อง ทุกคนเริ่มจากจุดเดียวกันหมด การที่เรามีเื่พื่อนต่างชาติเราก็ต้องใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร เราจะปรับตัวได้เอง

วิชาที่เรียนส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับภาษาโดยตรง มีเรียนไวยากรณ์ การพูด การอ่าน การเขียน การฟัง เป็นพื้นฐานโดยทั่วไป ไม่ยากเกินความสามารถหากขยันและตั้งใจจริง =) แต่ละวิชาเรียนคาบละ 1ชั่วโมง สามสิบนาที เริ่มเรียนเดือนกันยายน แต่เด็กทุนส่วนใหญ่มักจะมาตอนเดือนตุลาคม ก็ต้องขยันกันนิดนึง เนื่องจากการสอบจะเริ่มในช่วงปลายเดือนธันวาคมและหลังปีใหม่ เรียนกลุ่มละประมาณสิบคน

ส่วนตัวเมืองบรรยากาศค่อนข้างสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนเมืองหลวง แม้จะไม่ได้มีสิ่งดึงดูดตามากเหมือนเมืองใหญ่อย่างมอสโกและเซนต์ แต่ว่าที่นี่เป็นเมืองที่ดี ผู้คนเป็นมิตรมากซึ่งหายากได้ในเมืองใหญ่ อันตรายน้อยกว่าเมืองหลวง เยคาเตอรินเบิร์กนับว่าใหญ่เป็นอันดับที่สี่ในรัสเซีย และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เมืองนี้จึงนับว่าเป็นเมืองที่เจริญเมืองหนึ่ง

การได้มารัสเซียครั้งนี้ได้เห็นอะไรที่แตกต่างกับที่ไทยมากๆ ทั้งลักษณะการดำเนินชีวิต อาหารการกิน ความเป็นอยู่ และถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต จนถึงตอนนี้เราเรียนรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เราก็ไม่เสียใจเลยที่มารัสเซีย อยากให้น้องๆที่เข้ามาอ่านลองขอทุนดู มันเป็นโอกาสครั้งนึงในชีวิต อาจจะไม่ได้สบายเหมือนอยู่บ้านเราไปเสียทุกอย่าง แต่โอกาสนี้ก็เป็นเสมือนกำไรชีวิตให้เราเลยทีเดียว


ดิษยาศิริ ศิโรเวฐน์ 26/02/2011

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม