ชีวิตการเรียนที่ผ่านมาในชั้นปีที่ 1 – มิกค์ คาซาน

สวัสดีครับบบบ ผู้อ่านที่น่ารักทุกคน ได้มาเล่าเรื่องให้ฟังกันอีกแล้วนะครับ ผม นายพลกร ชัชวาลยางกูร (MICKEMOUSE) ขณะนี้ผมสอบผ่านการเรียนชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์-เครื่องกลและยานยนต์แล้ว (ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลและยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคนิคและพลังงานเมืองคาซานประเทศรัสเซีย)
ย้อนกลับไปวันเรียนที่เปิดเรียน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นวันแรกที่ผมมีความประทับใจและเสียใจมากครับ พอเปิดเทอมวันแรก ช่วงเช้าทางมหาลัยให้ไปประชุมที่หน้าตึก แล้วก็แบ่งคณะ แต่ผมไม่รู้อะไรเลย ว่าชื่อกลุ่มที่ตรงกับคณะชื่ออะไร ไปยืนหาตั้งนาน จนมีรุ่นพี่ชั้นปีสี่ เป็นชาวต่างชาติที่มาเรียนที่นี่ มาถามว่าอยู่คณะอะไร

source:pixabay

แล้วเขาก็บอกว่า คุณอยู่กลุ่ม E-M-ZHE 1-09 (ЭМЖ-1-09) ผมก็เลยไปดูรายชื่อที่บอร์ดก็ไม่มีชื่อผม แต่ก็เข้าไปยืนกับเพื่อนในกลุ่ม ก็รู้กันอยู่นะครับว่าคนต่างชาติที่มาเรียนในประเทศอื่น ไม่ใช่ประเทศที่เราเกิด จะเป็นอย่างไร ทุกคนมองเราเหมือนเป็นพวกต่างด้าว เช่นเดียวกับคนไทยที่เวลามองพวกเขาที่เข้ามาในประเทศของเรา ผมถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกคนชอบคิดว่าเป็นคนเวียดนาม ผมไม่ชอบเลยเวลาคนที่มาบอกว่าเป็นคนเวียดนาม แต่ก็มีบางคนบอกว่ามาจากเกาหลีรึเปล่า ดีใจหน้าเกาหลี

ต่อมาก็ไปพบกับอาจารย์ที่ปรึกษากลุ่ม แล้วก็แนะนำตัวพูดคุยกันในกลุ่มและอาจารย์ แต่มันไม่ราบรื่น ผมเศร้ามากเพราะว่าฟังเพื่อนพูดไม่รู้เรื่องว่าถามอะไรตอบอะไรกันบ้าง เพราะว่าตอนที่มาเรียนภาษาในปีแรกพูดคุยแต่กับคนต่างชาติ จึงทำให้สำเนียงไม่ดี พอมาเจอสำเนียงรัสเซียของจริงถึงขนาดขั้นเอ๋อไปเลยครับ พูดเร็วมากพูดในลำคอ พูดเบา ถามศัพท์ยากที่ไม่เคยเจอมาก่อน (มันก็ได้แต่ขำเรา) แต่เราก็หน้าด้านยิ้มสู้ต่อไป แบบว่ายิ้มสยามไปเลย

แต่ก็เริ่มเครียด เริ่มไม่มีความสุขกับการเรียน เดินเข้าไปในมหา’ลัยก็เจอแต่คนรัสเซีย คนรัสเซียมองเราแบบว่า มาจากไหนเนี่ย ประเทศตัวเองไม่มีเรียนเหรอ คำถามยอดนิยมใน สองเดือนแรกคือ มาจากประเทศอะไร ? มาเรียนที่นี่ทำไม ประเทศคุณไม่มีมหาลัยเหรอ ? ถ้าถามว่ามาจากประเทศอะไร ก็ปกติดี แต่มาถามว่ามาเรียนที่นี่ทำไม ในประเทศของเราไม่มีมหา’ลัยนี้สิ มันน่าโมโห เลยตอบไปว่า พ่อแม่มีเงินเหลือเยอะเลยส่งมาเรียนที่นี่ เพราะคิดว่าที่นี่ดีแล้วได้ภาษาที่สามด้วย(แม้ว่าที่นี้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด) เขาก็เงียบไป

ผมเรียนแปดโมงเช้าทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ เลิกเรียน ไม่เกินบ่ายสาม บางวันก็เลิกเร็ว เข้าเรียนเล็กเชอร์ก็จดไม่ทัน เจอแต่ศัพท์ใหม่ๆ ไม่ค่อยเจอศัพท์ที่เรียนพื้นฐานมาเมื่อปีที่แล้ว ฟังเล็กเชอร์ก็รู้เรื่องแค่ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ เลยรู้สึกเครียดมากเลยครับ ที่เราเขียนและฟังไม่ได้เท่ากับคนรัสเซีย

พอเรียนได้สองเดือนแรกก็เริ่มปรับตัวได้ ชินกับการต้องยืมสมุดเพื่อนมาดูเล็กเชอร์ และก็เริ่มสนิทกันเพื่อนมากขึ้นมีเพื่อนรัสเซียมากขึ้น เพื่อนรู้ใจเรา เรารู้ใจเพื่อน สื่อสารกันรู้เรื่องแล้วครับ ผมดีใจมากครับ คุยหยอกล้อกันสนุกเลยครับ เพื่อนชอบคุยเรื่องเดียวกัน เลยยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้นครับ และแล้วก็ใกล้เวลาสอบของเทอมหนึ่ง ผมก็เครียดมาก เป็นการสอบครั้งแรกของมหา’ลัยที่นี่ แต่ผลออกมาก็โอเคครับ เคมีได้ A ฟิสิกส์ได้ A เขียนแบบได้ A พลศึกษาได้ A คอมพิวเตอร์ได้ B ภาษารัสเซียได้ B ภาษาอังกฤษได้ B คณิตศาสตร์ได้ B ครับ

พอเปิดเรียนเทอมสอง ผมก็สบายๆ รู้จักกับเพื่อนในคณะ ชั้นปีหนึ่ง มากมาย มีความสุขกับการเรียนรู้แล้วว่าต้องเรียนแบบไหนถึงจะเข้ากับคนที่นี้ได้ เริ่มมีสังสรรค์กับเพื่อน เพราะพวกเราสนิทกันแล้วครับ จนกระทั่งช่วงเวลาสอบของเทอมสอง ผมทำเรื่องขอสอบก่อนเพื่อที่จะได้ปิดเทอมก่อนเพื่อนอีก 20 วัน เพราะผมจะกลับประเทศไทยก่อน คิดถึงทุกคนโดยเฉพาะแม่ ผลการสอบก็โอเค ฟิสิกส์ได้ A เขียนแบบได้ A พลศึกษาได้ A ภาษารัสเซียได้ A คอมพิวเตอร์ได้ A คณิตศาสตร์ได้ B เคมีได้ B ครับ

สุดท้ายนี้ ต้องขอบคุณแม่ที่ทำให้ผมมีกำลังใจมาตลอด ไม่ว่ามีปัญหาอะไร แม่ผมช่วยแก้ไขให้กับผมได้เสมอครับ ผมรักแม่มากครับ ผมจะเป็นลูกที่ดี ตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตของตัวเอง และครอบครัวนะครับบบบบบ

มิกค์ พลกร ชัชวาลยางกูร 08/06/10

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม